นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับในอุโมงค์, ดาวเตะบอร์นมัธเดินหนี - 'แม้แต่พวกเขาก็พูดแบบนั้น' ผู้ตัดสิน อดัม สมิธ
ในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บอร์นมัธ เสมอกัน 4-4 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด การแข่งขันพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างประตูที่น่าตื่นตาตื่นใจถึง 8 ประตู แต่ยังก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างมากเกี่ยวกับการตัดสินของผู้ตัดสิน โดยเฉพาะการประท้วงอย่างรุนแรงของกัปตันทีมบอร์นมัธ อดัม สมิธ ต่อการตัดสินแฮนด์บอล

สรุปการแข่งขัน: การแข่งขันที่เต็มไปด้วยประตู
นี่คือการแข่งขันที่เต็มไปด้วยประตูอย่างแท้จริง ทั้งสองทีมแลกหมัดกันอย่างดุเดือด ไม่ยอมให้ฝ่ายใดได้หยุดพัก จนผู้ชมต้องลุ้นจนแทบลืมหายใจ จุดไคลแม็กซ์เกิดขึ้นจากลูกฟรีคิกสุดสวยของบรูโน่ แฟร์นันด์ส จากริมกรอบเขตโทษ เขาปั่นบอลโค้งเข้าประตูอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 3-3 และปลุกความหวังให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การตัดสินให้ประตูกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง ผู้ตัดสินเห็นว่า อดัม สมิธ ได้ใช้มือสัมผัสบอลขณะพยายามสกัดการวิ่งของเฟร์นันเดส จึงมอบลูกฟรีคิกให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่บอร์นมัธได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงต่อการตัดสินดังกล่าว โดยโต้แย้งว่าบอลไปโดนแขนเสื้อของสมิธ ไม่ใช่แขนของเขา
ความโกรธของอดัม สมิธ: 'การตัดสินผิดพลาด' ของผู้ตัดสิน
หลังจบการแข่งขัน กัปตันทีมบอร์นมัธ อดัม สมิธ แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินของผู้ตัดสิน โดยกล่าวอย่างโกรธเคืองในการให้สัมภาษณ์ว่า "แม้แต่ผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังบอกว่ามันไม่ใช่แฮนด์บอล! ในฐานะกองหลัง ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมจะทำได้อะไรอีก ลูกบอลอยู่ห่างจากตัวผมไม่ถึงหนึ่งหลา - ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย"
สมิธยังบ่นด้วยว่าผู้ตัดสินปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเขาหลังจบการแข่งขันและแสดงใบเหลืองให้เขาเมื่อเขาพยายามจะพูดคุยเกี่ยวกับการตัดสินใจ "มันน่าหงุดหงิดมากเมื่อผู้ตัดสินไม่แม้แต่จะฟังฝั่งของเรา" เขากล่าว
'ความตรงไปตรงมา' ของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้น สมิธเปิดเผยว่าผู้เล่นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหลายคนยอมรับกับเขาหลังจบการแข่งขันว่ามันไม่ใช่แฮนด์บอล การ 'ยอมรับในอุโมงค์' นี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับความไม่พอใจของบอร์นมัธและทำให้ความขัดแย้งรอบเกมทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
การวิเคราะห์เชิงยุทธวิธี: จุดอ่อนในเกมรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะมีความสามารถในการโจมตีที่น่าเกรงขามในระหว่างการแข่งขัน แต่จุดอ่อนในการป้องกันก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน กัปตันทีมบอร์นมัธ สมิธ ได้เน้นย้ำถึงช่องว่างในการเปลี่ยนจากแนวรับสามคนเป็นสี่คนของยูไนเต็ด เขาได้กล่าวว่า: "เมสัน เมาท์ ถอยลงไปในแดนกลางเพื่อควบคุมเกม ขณะที่ดิโอโก้ ดาโลต์ และลุค ชอว์ ขยับขึ้นไปสูงมากในสนาม สิ่งนี้ทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นในการโต้กลับ"
ตลอดการแข่งขัน บอร์นมัธใช้ช่องว่างในแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสร้างโอกาสอันตราย โดยประตูจากการโต้กลับของคูน่าเป็นหลักฐานสำคัญ
ข้อพิพาทอื่น ๆ: การทะเลาะวิวาทระหว่างเซเมโดและดาลอต
นอกเหนือจากการตัดสินแฮนด์บอลแล้ว เหตุการณ์ขัดแย้งอีกเหตุการณ์หนึ่งระหว่างการแข่งขันก็จุดประกายการถกเถียงอย่างมาก เซเมโยของบอร์นมัธดูเหมือนจะคว้าคอของดาล็อตระหว่างการแย่งบอลกลางอากาศ โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวสมควรได้รับใบแดง อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินได้แจกเพียงใบเหลืองให้กับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
ผู้บรรยาย แกรี่ เนวิลล์ กล่าวว่า: "ผมเข้าใจความหงุดหงิดของเซเมโด้ แต่การจับคอเป็นความเสี่ยงที่สำคัญอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของผู้ตัดสินก็ไม่ได้ไร้เหตุผล - การให้ใบเหลืองสองใบนั้นสมเหตุสมผล"
สรุป: การแข่งขันที่เต็มไปด้วยความยอดเยี่ยมและความขัดแย้ง
ผลเสมอ 4-4 นัดนี้ถูกกำหนดให้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในเกมคลาสสิกของฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพเกมรุกอันน่าเกรงขาม แต่ความเปราะบางในแนวรับก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน บอร์นมัธ เก็บแต้มสำคัญจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้และการโต้กลับที่เฉียบคม
อย่างไรก็ตาม การตัดสินของผู้ตัดสินกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดในแมตช์นี้ ความโกรธของอดัม สมิธ และการยอมรับในอุโมงค์ของผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยังคงคุกรุ่นต่อไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงมาตรฐานการตัดสินของพรีเมียร์ลีก ในอนาคต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจำเป็นต้องหาทางแก้ไขเพิ่มเติมในแนวรับ ในขณะที่บอร์นมัธต้องรักษาจิตวิญญาณการต่อสู้นี้ไว้ต่อไป


