ตอบแทนความอาฆาตด้วยความดี! หนุ่มอัจฉริยะวัย 24 ปีช่วยอลอนโซอีกครั้ง: 4 ประตูใน 3 นัดแรกทำลายสถิติของเรอัล มาดริดที่ยาวนานกว่าทศวรรษ_Rodrygo_ผู้เล่น_การแข่งขัน
หลังจากช่วงเวลาที่วุ่นวายที่เรอัล มาดริด ผู้จัดการทีม อลอนโซ่ กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากวิกฤตที่คุกคามตำแหน่งของเขา บุคคลสำคัญที่นำเขาออกจากสถานการณ์นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอัจฉริยะชาวบราซิล โรดรีโก้ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกพักการแข่งขันเป็นเวลานาน ด้วยการแสดงผลงานอันน่าทึ่งของโรดรีโก้ตั้งแต่กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้ง เรอัล มาดริด สามารถเอาชนะเซบีย่าได้ 2-0 ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 21 ธันวาคม ตามเวลาปักกิ่ง และคว้าชัยชนะติดต่อกันสามนัดที่รอคอยมานาน

ข้ามเวลามาถึงเดือนมิถุนายน เมื่ออลอนโซ่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโรดรีโก้มากนัก นักเตะชาวบราซิลที่มีพรสวรรค์ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรอง รอคอยโอกาสของเขา เมื่อขาดเวลาลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ฟอร์มของโรดรีโก้ก็ตกต่ำลงถึงจุดต่ำสุดในอาชีพของเขา ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 32 นัดที่ไม่สามารถทำประตูได้ ซึ่งเป็นสถิติที่น่าอับอายอย่างปฏิเสธไม่ได้สำหรับผู้เล่นของเรอัล มาดริดในขณะเดียวกัน ผลงานโดยรวมของเรอัล มาดริดก็ตกต่ำลงอย่างมาก

จุดเปลี่ยนมาถึงในวันที่ 11 ธันวาคม เมื่อเรอัล มาดริดต้องเผชิญหน้ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกที่เดิมพันสูง ผลการแข่งขันนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตำแหน่งผู้จัดการทีมของอลอนโซ หากพ่ายแพ้อีกครั้ง เขาจะถูกไล่ออกจากสโมสรอย่างแน่นอน ณ จุดวิกฤตนี้ อลอนโซเกิดความคิดขึ้นมาอย่างฉับพลันและตัดสินใจส่งโรดรีโก้ลงเป็นตัวจริงในการแข่งขันที่สำคัญนี้ โรดรีโก้ได้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ โดยทำประตูเดียวให้กับเรอัล มาดริด ซึ่งช่วยให้ทีมแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างหวุดหวิด 1-2 ผลการแข่งขันนี้ยังคงรักษาความหวังในการผ่านเข้ารอบของทีมไว้ได้ และเป็นการผ่อนหนักเป็นเบาให้กับอลอนโซ่ในครั้งนี้

ต่อมา ในเกมที่เรอัล มาดริดเอาชนะอลาเบส 2-1 โรดรีโก้ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้งและรักษาฟอร์มการทำประตูไว้ได้ โดยยิงประตูได้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน แม้ว่าเขาจะถูกหมุนเวียนออกจากทีมตัวจริงในเกมที่ชนะตาร์ราโกนา 3-2 ในช่วงกลางสัปดาห์ แต่การกลับมาเป็นตัวจริงในเกมที่พบกับเซบีย่าเมื่อเช้านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอลอนโซ่ได้ฟื้นความมั่นใจในตัวกองหน้าดาวรุ่งรายนี้อย่างเต็มที่แล้ว
ในนาทีที่ 38 เรอัล มาดริดได้ลูกฟรีคิกในแดนรุก โรดริโก้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ยิง โดยโยนบอลอย่างแม่นยำเข้าไปในเขตโทษ ซึ่งจู๊ด เบลลิงแฮมกระโดดขึ้นสูงสุดและโหม่งเข้าประตู ส่งให้เรอัล มาดริดขึ้นนำเซบีย่า 1-0 อย่างน่าจดจำ นี่เป็นแอสซิสต์แรกของโรดริโก้ในลาลีกาตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคมปีนี้
ในช่วงเวลาที่เหลือของการแข่งขัน เรอัล มาดริด ไม่สามารถขยายความได้เปรียบของพวกเขาได้ในนาทีที่ 83 อลอนโซ่เลือกที่จะเปลี่ยนตัว วินิซิอุส จูเนียร์ ออก แต่ยังคงให้ โรดรีโก้ อยู่ในสนาม ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตัวดาวรุ่งชาวบราซิลอย่างชัดเจน โรดรีโก้ตอบแทนความไว้วางใจของผู้จัดการทีมด้วยการแสดงออกที่เด็ดขาด ในนาทีที่ 85 เขาพุ่งเข้าไปในเขตโทษแต่ถูกกองหลังฝ่ายตรงข้ามทำฟาวล์ล้มลง ทำให้เรอัล มาดริดได้จุดโทษสำคัญ คีเลียน เอ็มบัปเป้ รับหน้าที่สังหารจุดโทษและยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด ส่งผลให้ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนคว้าชัยชนะ 2-0
แม้ว่าโรดริโกจะไม่สามารถทำประตูได้ในเกมนี้ แต่เขาก็ทำแอสซิสต์และได้จุดโทษ ซึ่งเป็นการสร้างสองประตูด้วยตัวเองอย่างแท้จริง เขาเป็นบุคคลสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัยในชัยชนะที่สำคัญของเรอัล มาดริด ในการลงเล่นสามนัดล่าสุด โรดริโกมีส่วนร่วมโดยตรงกับสี่ประตู ทำให้เขาเป็นสถาปนิกหลักในการอยู่รอดของอลอนโซในฐานะผู้จัดการทีม

นอกจากนี้ โรดรีโก้ยังสร้างโอกาสทำประตูที่ชัดเจนถึงสี่ครั้งในนัดนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักเตะเรอัล มาดริดทำได้สำเร็จนับตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 และเป็นนักเตะลาลีกาคนแรกที่ทำเช่นนี้ได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 เป็นต้นมา คาดการณ์ได้ว่าในนัดต่อไป โรดรีโก้จะมีโอกาสได้เป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ในแนวรุกของเรอัล มาดริด



